ฟิลเลอร์ปาก

เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนทุกส่วนในร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งริมฝีปากก็เช่นกัน ทำให้ริมฝีปากบางลง ดูไม่อิ่มเอิบ แห้งแตกเป็นร่องชัดเจน ทาลิปสติกตกร่อง เห็นเป็นลายๆ ริมฝีปากที่บางจะทำให้ความมีเสน่ห์ น่าดึงดูดลดน้อยลงด้วย

ในคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน สวยขึ้น ริมฝีปากถือเป็นจุดเด่นหนึ่งบนใบหน้า ทั้งในเรื่องของสัดส่วนริมฝีปากบน-ล่าง เนื้อปากที่เรียบเนียน รูปทรงปาก ลักษณะของมุมปากที่ยกขึ้น ล้วนเป็นจุดเด่นที่สำคัญในการปรับรูปหน้าที่ไม่ควรมองข้ามทั้งสิ้น การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดได้ในทีเดียวครับ

(Tiktok น้องนิ้ง)

เป็นหัตถการที่สะดวกและปลอดภัย อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี อีกทั้งการเติมฟิลเลอร์ปากนั้นใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่มาก ส่วนมากไม่เกิน 1 cc แต่ได้ผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนครับ

ฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับคนที่

1. ปากบาง ดูไม่อิ่มเอิบ ทำให้ทาลิปสติคแล้วตกร่อง ดูมีอายุ
2. ต้องการแก้รูปทรงปากให้สวย มีเสน่ห์ รับสัดส่วนกับใบหน้า
3. ปากไม่สมมาตร ปากเบี้ยว มุมปากตก 
4. ต้องการแก้ปัญหาปากบาง หลังจากการผ่าตัดปาก
5. ต้องการแก้ไขโหงวเฮ้งรูปปาก ให้โชคดี รับทรัพย์ มีคนรัก

(Tiktok น้องญี่ปุ่น)

สัดส่วนฟิลเลอร์ปาก รูปปากที่เหมาะกับโครงหน้าคนไทย

การที่จะฉีดฟิลเลอร์ปาก ให้ปากอวบอิ่มแบบดาราฝรั่ง สามารถทำได้ แต่โครงหน้าของฝรั่งนั้นจะชัดคมกว่าคนไทย ทั้งคิ้วเด่น ตาโต จมูกโด่ง คางยาว ซึ่งกรณีนี้ควรมีริมฝีปากที่อวบอิ่มและหนามากๆจะดูมีเสนห์มากยิ่งขึ้น

แต่ถ้ากรณีโครงหน้าแบบคนไทยส่วนมาก จะไม่รับกับริมฝีปากแบบดาราฝรั่ง ควรใช้ตัวอย่างริมฝีปากที่เป็นเอเชียนิยม เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และมีโครงหน้าในจุดอื่นๆ ใกล้เคียงกับคนไข้ด้วย ผลที่ได้จึงจะออกมาดูเป็นธรรมชาติที่สุด ความหนาประมาณหนึ่งที่ไม่ทำให้ดูหนาจนเกินไป

โดยหลักการ แพทย์ก็จะทำการประเมิน และคำนวนสัดส่วนฟิลเลอร์ปาก ให้รับกับจุดอื่นๆบนใบหน้าของคนไข้ ดังนี้

1. สัดส่วนริมฝีปากเทียบกับใบหน้า แนวนอนควรอยู่ระหว่างกึ่งกลางตาดำ แนวตั้งทำได้โดยวัดระยะห่างระหว่างริมฝีปากบนกับปลายยจมูก มีอัตราส่วน 1/3 และระยะห่างระหว่างริมฝีปากล่างกับปลายคางมีอัตราส่วนเป็น 2/3 

2. ขนาดของริมฝีปาก บน:ล่าง ที่เหมาะสมคือ 1:1.68 ซึ่งถือเป็นสัดส่วนทองคำ (Golden ratio) ของริมฝีปาก ซึ่งเป็นหลักการสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากที่สำคัญ

3. เมื่อมองด้านข้างแล้วลากเส้นจากปลายจมูกลงมาที่คาง ริมฝีปากล่างควรจะแตะเส้นนี้พอดี ส่วนริมฝีปากบนควรจะห่างจากเส้นนี้ 2 มิลลิเมตร เป็นการดูมิติของริมฝีปาก 

4. มุมปากควรยกขึ้น ไม่ทิ่มลงล่าง เนื้อปากควรอิ่มเรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย และขอบรอยต่อระหว่างริมฝีปากกับผิวปกติ ไม่มีริ้วรอย

เทคนิคฉีดปากของหมอ 4 แบบ 4 ทรง 4 เทคนิค ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการแต่ละคน และรูปหน้าแต่ละแบบ เป็นดังนี้ครับ 

(วีดีโอ เทรนฟิลเลอร์ปาก)

1. Barbie lip สัดส่วนปากบนต่อล่าง จะเป็น 1: 1 ทรงนี้เป็น Signature ของ P9 clinic เลยครับ โดยทำให้รูปปากกระจับเชิดขึ้นเบาๆ เน้นเติมตำแหน่ง Tubercle ทั้งบนและล่าง ทำให้ออกมาลักษณะคล้ายตุ๊กตาบาบี้ร์ ได้ทั้งลุคน่ารักและเซกซี่ในคราวเดียวกันครับ เป็นที่นิยมของวัยรุ่นช่วงและผู้ใหญ่ที่ยังมีสไตล์ครับ

2. Sexy lip สัดส่วนปากบนต่อล่าง จะเป็น 1: 1.68 ซึ่งถือเป็นสัดส่วนทองคำ(Golden ratio) ของริมฝีปาก เป็นรูปปากที่เหมาะกับเกือบทุกคน ถือเป็นรูปปากมาตรฐานครับ 

3. Cupid lip สัดส่วนปากบนต่อล่าง จะเป็น 1.6 : 1 ทรงนี้จะเหมาะกับคนที่ริมฝีปากบนบางมากๆ ต้องการเน้นกระจับให้เชิดขึ้นอย่างชัดเจน เหมาะกับคนที่ ต้องการเอกลัษณ์เฉพาะตัว สร้างความโดดเด่นของใบหน้าไม่ซ้ำใครครับ

4. Hollywood lip (Full lip) ทรงนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการเน้นไปทางสาย ฝ. เลยครับ ลักษณะอวบอิ่มทุกองศาแบบดาราฝรั่ง โดยฟิลเลอร์ที่ใช้จะต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อที่ให้ความฟูมากๆ เช่น Juvederm ultra plus ครับ

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

1.ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหาข้อมูลและเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน

2.ศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้

3.ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้นๆ

4.งดยา แอสไพริน, NSAIDs งดวิตามิน ยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว และการแว็ก

5.งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง

6.งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด

7.หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่กินเป็นประจำ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก

1.ประเมินใบหน้าและวางแผน สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก

หมอจะทำการประเมินดูลักษณะของใบหน้าและปัญหาผิว รวมถึงตรวจดูบริเวณที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อแก้ไขปัญหาบนใบหน้า จะมีการทำเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุดบนใบหน้า รวมถึงมีการถ่ายภาพใบหน้า บริเวณที่จะทำการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงภายหลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์

2.ทำความสะอาด และ ใช้ยาระงับความรู้สึก

ขั้นตอนของการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช็ดทำความสะอาดบนใบหน้า หากมีการทาปากมาก่อน จะต้องทำการล้างเครื่องสำอางออกก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการทายาชาเพื่อระงับความรู้สึก หรือ อาจใช้อุปกรณ์เย็น เพื่อที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์ปาก

กรณีที่เลือกใช้ฟิลเลอร์ รุ่นที่มียาชาผสมอยู่แล้ว จะสามารถบรรเทาอาการเจ็บในขณะที่ทำการฉีดฟิลเลอร์รักษาได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ

3.ฉีดฟิลเลอร์ปาก

เมื่อได้ทำการประเมินใบหน้าไปเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนของการฉีดฟิลเลอร์ จะใช้เวลาในการฉีดแต่ละเข็มเพียงไม่นาน หมอจะทำการนวดและประเมินผลการตรวจไปพร้อมๆกับการฉีดฟิลเลอร์ หลังทำการฉีดฟิลเลอร์ปากเรียบร้อย หมอจะนัดตรวจอีกครั้ง ในช่วง 2 สัปดาห์

4.การทำความสะอาดแผลและพักฟื้น

เมื่อหมอเห็นว่าผลลัพธ์ของการรักษาเป็นที่พอใจแล้ว อาจใช้น้ำแข็งประคบ เพื่อลดอาการบวมและบรรเทาความรู้สึกไม่สบายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ผิวหนังบริเวณดังกล่าวอาจมีการฟกช้ำ จากรอยเข็มที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ อยู่ประมาณ 1-2 วัน แต่จะไม่ได้มีอาการเจ็บปวดมาก เมื่อกลับมาพักฟื้นที่บ้าน อาจใช้น้ำแข็งประคบบริเวณ ริมฝีปากที่ทำการฉีดรักษา โดยอาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือเพียง 2-3 วัน ทั้งนี้หากเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงใด ๆ ควรไปพบแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อให้ตรวจดูความผิดปกติที่เกิดขึ้น

(Tiktok น้องก้อย)

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ดูแลตัวเองอย่างไร

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ ดังนี้

– หลังฉีดฟิลเลอร์ปากทันที ไม่ควรจับ ลูบคลำ นวด หรือปั้นเอง ในบริเวณที่ฉีดรักษาบ่อยๆ เพราะอาจมีผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้

– หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 6 ชั่วโมงและ สามารถทำทรีทเม้นท์บำรุงผิวอื่นๆ ได้ตามปกติ (ยกเว้น กลุ่มเลเซอร์, Rf และ Ionto ควรรอเวลา 2 สัปดาห์)

– ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ไม่ควรออกกำลังกายให้เหงื่อออกมาก หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่, การดูดทั้งจากหลอดดูด, การจูบ 

– หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก ในช่วง 1 สัปดาห์แรก

– ควรดื่มน้ำในปริมาณที่มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรก ของหลังฉีดฟิลเลอร์ ประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน เพราะ ฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำปริมาณมากๆ จะทำให้ฟิลเลอร์ ที่ทำการเติมเต็มเข้าไปนั้นอยู่ได้นานยิ่งขึ้น และช่วยให้น้ำจับกับโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่ฉีด ส่งผลให้ผิวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

– หลีกเลี่ยงการใช้สารทาผิวที่มีส่วนผสมของ BHA,AHA (กรดผลไม้) และ Retinoid เป็นเวลา 2 สัปดาห์

– ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ งดการเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ทำเลเซอร์ ทำ RF หรือ Ionto เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อฟิลเลอร์ได้ใน 2 สัปดาห์แรก

– ความร้อนที่สามารถสัมผัสโดนได้คือ ไดร์เป่าผม และแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไป ตามปกติ

ผลข้างเคียงจาการฉีดฟิลเลอร์ปากที่เจอได้ปกติ

• หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจมีรอยเข็มแดงๆ เป็นจุดเล็กๆ ในบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถหายเองภายใน 2-3 วัน และอาจเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งมักเจอในคนที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin,Alcohol หรือวิตามิน E อาหารเสริมบางชนิดเช่น Fish oil, Primrose โดยรอยเขียวช้ำจะค่อยๆ จางลงภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นช่วงแรก สามารถทาแป้ง, Concealer หรือ รองพื้นปกปิดบริเวณที่เขียวช้ำ หรือรอยแดงจากเข็มไว้ก่อนได้ โดยไม่มีอันตราย

• หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วงแรกอาจคลำพบก้อนเล็กๆ แข็งเหมือนยางลบใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะละลายตัวและนิ่มเป็นเนื้อเดียวกันเองภายใน 2-4 สัปดาห์

• ผู้เข้ารับการรักษา อาจมีการปวดตึง บริเวณที่ฉีด ฟิลเลอร์ปาก ได้เล็กน้อย สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวด ลดบวมตามคำแนะนำแพทย์ได้

• หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก 3-4 ชม. แรก ถ้ามีการปวดตื้อๆ อยู่สามารถนวดโดยการเม้มปาก และประคบเย็นได้ จะช่วยให้อาการตึงดีขึ้น

• นัดพบแพทย์หลังการรักษาด้วยการฉีด ในช่วง 2 สัปดาห์

• กรณีอาการปวดบวมแดงมากผิดปกติ หรือสีผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เป็นสีน้ำตาล หรือดำ (โดยที่ไม่ใช่รอยเข็ม หรือรอยเขียวช้ำ) ควรรีบไปแจ้งแพทย์ที่ทำการรักษาทันที

หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมจะมีอาการอย่างไร?

การฉีดฟิลเลอร์ปาก จะต้องใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้นครับ หลายคนเคยได้ยินโปรโมชั่นฉีดฟิลเลอร์ปาก ในราคาถูกจนน่าตกใจ แต่ขอให้สันนิษฐานไว้ได้เลยว่า อาจมีฟิลเลอร์ปลอมซึ่งสารที่ใช้ในการมาเลียนแบบฟิลเลอร์นั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ซิลิโคนเหลว ไบโอพลาสติก พาราฟิน อย่าง ซิลิโคนเหลว เป็นสารโพลิเมอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งของที่ทำมาจากพลาสติก หากพลาดไปฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือสารอื่นๆ ที่ไม่ใช่ HA มาฉีด อาจเกิดอันตรายได้หลายอย่าง ได้แก่

1.    อักเสบ ติดเชื้อ ทั้งผิวหนังชั้นตื้นและชั้นลึก
2.    มีอาการแพ้สารที่นำมาฉีด
3.    ผิวบริเวณที่ฉีดเป็นก้อน ไม่สม่ำเสมอ
4.    มีการผิดรูปของจุดที่ฉีด แก้ไขได้ยากเนื่องจากมักเป็นสารที่ไม่สามารสลายตัวเองได้
5.    ร่างกายจะต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดเป็นก้อนกดเจ็บ

ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรระมัดระวังในการเลือกคลินิกและฟิลเลอร์ที่นำมาฉีด เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ ที่สำคัญแพทย์ที่ฉีดควรมีประสบการณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการฉีดที่ผิดพลาด ห้ามฉีดกับหมอเถื่อนหรือหมอกระเป๋าเด็ดขาดครับ

ฟิลเลอร์ปาก ควรใช้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนดีที่สุด?

ปากเป็นตำแหน่งที่ผิวมีการขยับบ่อยมาก ดังนั้นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ควรมีค่าความยืดหยุ่นสูงครับ หมอแนะนำยี่ห้อ Juvederm และ Restylane เป็นหลักครับ

- Restylane classic เนื้อจะค่อนข้างแน่นสร้างรูปทรงได้อย่างสวยงาม ฟิลเลอร์รุ่นนี้สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน ช่วงแรกๆอาจมีความรู้สึกของเนื้อฟิลเลอร์ที่บริเวณริมฝีปากได้

- Restylane vital light เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ไขริมฝีปากแห้ง ให้ผิวปากชุ่มชื้น โดยที่ไม่ได้ต้องการเติมปาก อยู่ได้ 6-8 เดือน

- Juvederm Ultra Plus จะฟูเยอะเหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง และอยู่ได้นาน1ปี แต่จะคลำเจอเนื้อฟิลเลอร์นิ่มๆ ได้ในช่วง 2-3 เดือนแรก

โหงวเฮ้งปากที่ดี-ไม่ดี ดูอย่างไร?

ลักษณะเด่น ขนาดของปากที่ได้มาตรฐาน ลากเส้นจากกึ่งกลางลูกตาดำขณะมองตรง มาจนถึงมุมปากทั้ง 2 ข้าง หากกว้างเสมอกึ่งกลางลูกตาดำทั้ง 2 ข้าง พอดีถือว่าปากกว้าง ปากที่มีลักษณะดี ต้องมีขอบ มีหยัก มุมปากทั้ง 2 ข้าง ตรงหรือช้อนขึ้นเล็กน้อยและได้รูปเหมาะสมกับขนาดของใบหน้า

-ริมฝีปากกว้าง เจ้าตัวสามารถทำงานใหญ่ได้ดี ชายวาสนาดี มีคู่ให้ความช่วยเหลืออุปถัมภ์ กระตือรือร้นสูง มีความซื่อสัตย์ กล้าคิดกล้าทำ ตำแหน่งงานดี เจริญดี ทำงานใหญ่สำเร็จ หญิงหัวแข็งไม่ยอมใคร หากินเก่งกว่าชาย ไม่ชอบจำเรื่องในอดีต

-ริมฝีปากบนหนา จะเป็นผู้ให้ พูดตรง ซื่อสัตย์ ถ้าเป็นหญิงอาภัพคู่

ลักษณะด้อย ปากบางเฉียบ ชายจะมีเล่ห์เหลี่ยมเฉือนคมได้อย่างนิ่มนวล เจรจาคล่องแคล่ว ไม่อดทน ไม่แยแสเรื่องความรัก หญิง พูดแต่เรื่องไม่สร้างสรรค์ ชอบนินทาว่าร้าย โกหก เถียงเก่ง ขี้งอน มองโลกในแง่ร้าย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีบุตรยาก หากมีบุตรจะไม่แข็งแรง เลี้ยงยาก

ฟิลเลอร์ปากอันตรายหรือไม่?

ริมฝีปากประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก แต่สามารถฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคเข็มแหลมได้เนื่องจากเนื้อเยื่อในจุดหนึ่งๆของริมฝีปาก มีเส้นเลือดมาเลี้ยงจากทุกทิศทาง จึงทำให้ไม่เกิดปัญหาเมื่อฉีดฟิลเลอร์ และมีเพียงเส้นเลือดหลักที่อยู่ลึกลงไปเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ การฉีดฟิลเลอร์ปากก็มีความปลอดภัย 100% 

แต่แน่นอนว่าถ้าพลาดฉีดฟิลเลอร์ปาก กับแพทย์ที่ไม่มีความเชียวชาญด้านกายวิภาค ไม่รู้จักเส้นเลือดต่างๆบนใบหน้าดีพอ ก็อาจจะเกิดอันตราย ฟิลเลอร์อุดตันในเส้นเลือดได้ หรือถ้าฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ปลอมก็จะก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้เช่นกัน

และในกรณีที่ควรระวังเป็นพิเศษ คือ คนไข้ที่ผ่านการผ่าตัดริมฝีปากมากก่อนแล้วต้องการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องแจ้งแพทย์ว่าเคยผ่าตัดมาก่อน เพราะในกรณีนี้เส้นเลือดบางส่วนของคนไข้จะโดนรอยแผลที่เป็นผังผืดปิดกั้น ทำให้แพทย์ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการฉีดมากขึ้น และมีความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดมากกว่าเคสปกติ

แต่ถึงแม้จะเกิดการอุดตันเส้นเลือด ด้วยเทคนิคการแก้ไขที่มีในปัจจุบันก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และแก้ไขให้กลับคืนมาได้ภายใน 7-14 วัน โดยที่ไม่ทำให้เกิดเนื้อตายหรือตาบอด ก็ถือว่ามีความปลอดภัย 100% ดังนั้นจึงควรฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ หากเกิดเหตุสุดวิสัยก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที

ศัลยกรรมปาก VS ฟิลเลอร์ปาก

“ในความเห็นของหมอการฉีดฟิลเลอร์จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าการผ่าตัดครับ เพราะบางครั้งรูปทรงปากที่นิยมก็มีการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย หากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วหลังจากสลายก็สามารถฉีดเติมหรือเปลี่ยนรูปทรงปากได้ตามต้องการ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกลบร่องปากได้ ส่วนการผ่าตัดหากตัดเอาเนื้อออกไปแล้วจะไม่สามารถแก้ไข้หรือเติมเนื้อในส่วนนั้นให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีกครับ”

ปากบางจากผ่าตัดแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก ได้หรือไม่

ลักษณะปากบางที่เกิดจากการผ่าตัดริมฝีปาก สามารถฉีด ฟิลเลอร์ปาก แก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ขึ้นกับผังผืดที่เกิดจากการผ่าตัด ถ้าผังผืดดึงรั้งมากก็จะฉีด ฟิลเลอร์ปาก ได้น้อย ดังนั้นก่อนที่จะผ่าตัดทำริมฝีปากบางควรศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะปัจจุบันมีคนไข้เข้าปรึกษาหลายๆเคสที่ผ่าตัดริมฝีปากมาบางเกินไปเนื้อน้อยมากจนไม่สามารถฉีด ฟิลเลอร์ปาก แก้ได้ และไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีใดๆได้เลย

โดยปกติหลังทำการผ่าตัดริมฝีปากมาแล้ว ต้องใช้ระยะเวลา อย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี ให้แผลผ่าตัดหายสนิทก่อนที่จะเริ่มทำการฉีด ฟิลเลอร์ปาก อีกครั้งครับ