ไฮฟู (Hifu) คืออะไร?

ไฮฟู (Hifu) คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการยกกระชับใบหน้าจากริ้วร่อยเหยี่ยวย่นบริเวณต่างๆของใบหน้าเช่น  ยกคิ้วตก ยกแก้มย้อย ลดเหนียงและยกลำคอ หรือทุกส่วนของใบหน้าและลำคอ โดยใช้คลื่น ultrasound เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ส่งพลังงานเข้าลึกถึงชั้น SMAS หรือชั้นพังผืดใต้ผิวหนัง เกิดการหดตัวของชั้นพังผืด จึงเกิดการยกกระชับ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen ใหม่ด้วย โดยไม่มีผลข้างเคียง ไม่เจ็บ กลไกการทำงาน ส่งพลังงานเข้าลึกถึงชั้น SMAS หรือชั้นพังผืดใต้ผิวหนัง (ซึ่งลงลึกไปกว่าชั้นที่ร้อยไหม) เกิดการหดตัวของชั้นพังผืด จึงเกิดการยกกระชับ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen ใหม่ด้วย โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

HIFU แก้ปัญหาผิวแบบไหน? เหมาะกับใคร?

  • ใบหน้าแก้มหย่อนคล้อย, ร่องแก้มลึก
  • คิ้วตก, หนังตาตก, ขอบตาล่างหย่อนยาน มุมปากตก
  • มีเหนียงเป็นชั้น หรือลำคอหย่อนคล้อย
  • ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น V Shape โดยที่ไม่ต้องการศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า
  • กระชับสัดสวนในบริเวณหน้าท้อง, ต้นแขน, ท้องแขน, ต้นขา

ระดับพลังงาน HIFU:ลงลึกถึงชั้นปัญหาผิวหย่อนคล้อยแต่ละชั้น

เครื่อง HIFU ยกกระชับผิวในชั้นกล้ามเนื้อด้วยการส่งพลังงานคลื่นเสียงเข้มข้นสูงลงลึกถึง 3 ชั้นผิว บนใบหน้าที่ระดับความลึกต่างๆ และอุณหภูมิที่เหมาะสมในแต่ละบริเวณที่ทำ

  • ส่งพลังงานลงลึกระดับ 1.5 ไปเนื้อเยื่อชั้นหนังแท้ส่วนบน (Upper Dermis) ลดเลือนริ้วรอยผิวเรียบเนียน
  • ส่งพลังงานลงลึกระดับ 3.0 ไปเนื้อเยื่อชั้นหนังแท้ส่วนลึก (Lower Dermis) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีสาสติน 
  • ส่งพลังงานลงลึกระดับ 4.5 ไปกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) ชั้นเดียวที่หมอศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า เกิดการหดตัว คล้ายกับการทำศัลยกรรมดึงหน้า กระตุ้นการหดตัวของตาข่ายพังผืดในชั้น SMAS ทำให้โครงสร้างผิวเกิดการเรียงตัวใหม่ ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก

ระยะเวลาการทำ และผลที่ได้รับหลังจาก ไฮฟู (Hifu) ?

ใช้ระยะเวลาทำต่อครั้งประมาณ 30 นาที โดยไม่ต้องทายาชา เห็นผลยกกระชับตั้งแต่ครั้งแรกหลังทำทันทีประมาณ 20-30% และจะยิ่งยกกระชับขึ้นเรื่อยๆจนถึง 100% ในระยะเวลา 2-3 เดือน และยกกระชับอยู่ได้ประมาณ 1 ปี

✓ ทำแล้วเห็นผลทันที
✓ ผลยิ่งชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือน
✓ ทำแล้วอยู่ได้นานถึง 8-12เดือน
✓ ใหม่กว่าเทอมาจ
✓ ใหม่กว่าอัลเทอร่า
✓ ไม่เจ็บเหมือนเลเซอร์ยกกระชับแบบเดิมๆ
✓ ไม่มีผลข้างเคียง

ควรเลือก ทำ Hifu ที่ไหนดี คลินิกไหนดี มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาตามลำดับความสำคัญดังนี้

1.ตัวเครื่อง จะได้ผลดีเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนและอยู่ได้นานนั้น ขึ้นกับคุณภาพของเครื่องที่ใช้เป็นหลักนะครับ

  • เครื่องต้องได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง มี อย. ทั้งในประเทศไทยและจากประเทศผู้ผลิต
  • พลังงานที่ยิงออกมา ต้องเสถียร และพลังงานที่ยิงออกมาต้องเรียงตัวเป็นระเบียบ ทำให้แพทย์ยิงได้อย่างแม่นยำ
  • ข้อเสียของเครื่องเกรดต่ำ หรือเครื่องจีนนั้น พลังงานจะไม่คงที่ บาง lineแรงมาก บาง lineเบามาก โดย line ที่แรงเกินไปอาจจะทำให้ผิวไหม้หน้าบวมและอาจโดนเส้นประสาทและทำให้หน้าเบี้ยวได้ หรือเบามากจนไม่เห็นผล

2. ราคา จะเห็นว่าแต่ละคลินิกมีการตั้งราคาไฮฟูแตกต่างกัน เนื่องจากเครื่องที่ได้มาตรฐาน จะเป็นแบบ consume shot คือใช้แล้วหมดไป มีต้นทุนต่อชอตค่อนข้างสูงครับ กรณีราคาถูกมากๆ ก็ต้องถามรายละเอียดเงื่อนไขให้ดี เพราะอย่างที่อธิบายไปแล้วว่าเครื่องเกรดดีๆ ย่อมมีต้นทุนหัวยิงและต้องเปลี่ยนหัวเมื่อ line หมดครับ 

  • ซึ่งการนับ line hifu จะยิงออกมา line ละประมาณ 15-25 จุด ซึ่งบางคลินิกจะนับ 1 จุด = 1 line อันนี้ก็ควรระวังครับ

3. แพทย์ผู้ทำ โดยแพทย์ Aesthetic physician จะมีเทคนิคและความชำนาญพิเศษในการออกแบบรูปหน้า วิเคราะห์ปัญหาบนผิวหน้าได้ตรงจุด มีหัวยิงที่เหมาะกับหน้าคนไข้ทุกรูปแบบ ความแม่นยำในการปล่อยพลังงานที่เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำก็เป็นปัจจัยที่สำคัญครับ โดยจะต้องมีความรู้เส้นประสาทบนใบหน้าอย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายิงแล้วหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวได้ครับ

4. การดูแลหลังการรักษา ข้อนี้ก็สำคัญเพราะเคสส่วนมากที่ผิดหวังกับการทำ hifu เกิดจากการคาดหวังผลที่เกินจริง อาจจะเป็นเพราะคำโฆษณา หรือรูปภาพที่ผ่านการตัดต่อ ซึ่งทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนทำ ถามให้ชัดเจนว่าจะได้ผลประมาณไหน อาการหลังทำ hifu มีอะไรบ้างและแนะนำข้อควรปฏิบัติหลังทำ hifu อย่างละเอียด เพราะหมอทุกคนย่อมมีจรรยาบรรณและความรับผิดชอบ 

Hifu กี่ชอตเห็นผล Hifu เจ็บไหมและผลอยู่ได้กี่เดือน?

hifu กี่ชอตเห็นผล
หลายคนสงสัยว่าการทำ hifu กี่ช็อตถึงจะเห็นผล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคนครับ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณไขมัน ความหย่อนคล้อยและสภาพผิว ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกับผลการรักษา จึงต้องปรึกษากับหมอให้ช่วยประเมินก่อนทำ เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดครับ

HIFU ไม่เจ็บ...ไม่เห็นผลใช่ หรือ ไม่!
ต้องตอบว่าไม่แน่นอนเสมอไป การที่เราไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยจากการทำ ส่วนนึงก็เป็นจาก Software ของเครื่องที่พัฒนามากขึ้น หากเครื่องดีและแพทย์ยิงได้ถูกชั้นถูกตำแหน่ง ไม่ลงลึกเกินไปจนถึงกระดูก ไม่ลงลึกเกินไปจนถึงรากฟัน ทำให้ความเจ็บน้อยลง พลังงานแม่นยำมากขึ้นครับ 

hifu อยู่ได้กี่เดือน
หลังทำจะเห็นผลทันทีประมาณ 20% ชั้นผิวจะหดจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว 60°C-70°C โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ จะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือนและสามารถมีระยะเวลาถึง 1 ปีขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำ hifu ด้วยครับ

วิธีการดูแลตัวเองก่อนทำ Hifu และข้อปฏิบัติหลังทำ Hifu

ก่อนทำ hifu ควรเตรียมตัวอย่างไร?

  • ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะจะช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับเซลล์ใหม่ให้เป็นไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น ข้อควรปฏิบัติหลังทำ hifu หลังทำ hifu ห้ามทำอะไรบ้าง?
  • สามารถทาครีมบำรุงผิวหน้าได้ตามปกติ แต่แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เสริมจากเดิมเพื่อป้องกันแสงแดด
  • หลีกเลี่ยงการออกแดดกลางแจ้งสัก 1-2 สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูของคอลลาเจนใต้ผิว
  • หากมีอาการเมื่อยหรือตึงผิวก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
  • ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรงๆ
  • ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง

สรุป ทำ hifu ข้อเสีย ข้อดี ผลข้างเคียงของการทำมีอะไรบ้าง?

Hifu เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยน้อยๆ ร่องใต้ตา ร่องแก้มไม่ลึกมาก และไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ อีกทั้งราคายังไม่แพงมาก ทำได้บ่อยครั้งและหลังการทำ Hifu ยังสามารถทำการรักษาอย่างอื่นอีกได้ ผู้ที่ทำ Hifu จะรู้สึกอุ่นๆปวดๆใต้ผิว บริเวณผิวขณะทำ ผิวจะไม่แสบร้อน

สามารถใช้ยาชาทาจะช่วยลดความเจ็บลงได้ ทำให้ผู้ที่เข้ารับการบริการสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังจากทำ เนื่องจากไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้นนั่นเอง

อาการหลังการทำ Hifu อาจมีรอยแดงบ้างหลังการทำ และจะหายไปได้เองภายใน 1 – 2 ชั่วโมงครับ