เรามักจะมองเห็นปัญหาร่องแก้มได้ง่าย เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตรงบริเวณช่วงกลางใบหน้าและกินพื้นที่ค่อนข้างกว้างจากข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก และการแต่งหน้าก็ไม่ช่วยกลบร่องแก้มให้หายไปด้วยครับ
ร่องแก้มลึก เป็นจุดที่บ่งบอกถึงอายุผู้หญิงได้อย่างชัดเจน มักจะลึกมากขึ้นเรื่อยๆเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในผู้หญิงถ้ามีร่องแก้มลึกก็จะทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย การแก้ไขที่ตรงจุด สามารถทำได้ง่ายๆด้วยการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มชนิดที่ปลอดภัยและผ่าน อย. คือคอลลาเจนชนิดไฮยาลูรอนิก(Hyaluronic acid) จะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปีและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด สลายหมดไม่มีสารตกค้างถ้าชอบก็สามารถเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มใหม่ได้เรื่อยๆ
ถ้าไม่เติมก็แค่คืนสภาพเดิมแต่ก็ยังดีกว่าก่อนเติมเพราะฟิลเลอร์จะกระตุ้นให้ร่างกายเราสร้างคอลลาเจนที่ร่องแก้มของตัวเองขึ้นมาด้วย ในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ดูเป็นธรรมชาตินั้น หมอที่มีความชำนาญต้องประเมินสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในแต่ละคน เพื่อการแก้ไขร่องแก้มลึกได้ตรงจุด เพราะถ้าแก้ผิดวิธี อาจจะยิ่งทำให้ร่องแก้มลึกกว่าเดิม เป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติ
การรักษาร่องแก้มให้เห็นผล เราต้องเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดร่องแก้มก่อน เพราะร่องแก้มในคนไข้แต่ละรายมีสาเหตุไม่เหมือนกัน ถ้าเข้าใจรายละเอียดตรงนี้ และแก้ปัญหาได้ถูกจุด ก็จะทำให้การรักษาได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจครับ
1 เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตาหรือโหนกแก้ม
มักพบในคนที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการยุบตัวของกระดูกทั้งบริเวณใต้ตาหรือโหนกแก้ม ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มดูลึก
การรักษา
แก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาหรือโหนกแก้ม โดยฉีดยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมดขึ้นไปด้านบน เรียกเทคนิคนี้ว่า volume lift หรือ Ogee Lift จะทำให้เนื้อแก้มที่กองเหนือร่องแก้มเป็นก้อนน้อยลง และร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ยังทำให้ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ร่องแก้มน้อยลงด้วยครับ
หากเน้นฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้ร่องแก้มของคนไข้แย่ลงกว่าเดิมได้ เนื้อจะยิ่งกองบริเวณเหนือร่องแก้มเป็นก้อนมากขึ้น หน้าจะดูอูมขึ้น
2 เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง (กระดูกใต้ปีกจมูก)
ลักษณะนี้อาจขึ้นเกิดขึ้นจากโครงหน้าแต่กำเนิด หรือในบางคนอาจเกิดหลังจากการจัดฟัน เพราะการจัดฟันอาจมีส่วนทำให้กระดูกฟันบนยุบเข้าไปได้
แก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียวได้ แต่ต้องฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มลงในชั้นติดกระดูก ใต้กล้ามเนื้อ และต้องฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย เพื่อทำการยกระดับให้แอ่งบริเวณร่องแก้มเต็มขึ้น ก็จะเป็นการรักษาที่ตรงจุดครับ ฟิลเลอร์ที่ยกร่องได้มากที่สุด คือ Restylane Lyft Lidocaine (12 เดือน) เป็น NASHA gel เนื้อสัมผัสเฟิร์ม ยกได้ดีที่สุด
3 เกิดจากการยิ้มบ่อยๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป
คนไข้กลุ่มนี้ จุดสังเกตง่ายๆก็คือ เวลายิ้มจะเห็นร่องแก้มคมชัด เห็นการขยับของกล้ามเนื้อตรงบริเวณร่องแก้มค่อนข้างมาก
แก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation เป็นการใช้ฟิลเลอร์ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ จะสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ไม่แข็งเกินไปทำให้ผลออกมาดูเป็นธรรมชาติ จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากครับ โดยเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูงเพื่อให้ทนต่อการขยับของร่องแก้ม ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดคือ Juvederm Ultra Plus (12 เดือน) และ Juvederm volift (12 เดือน)
4 เกิดจากผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย
ชั้นผิวบางลงจะมีลักษณะเป็นริ้วๆตื้นๆที่ร่องแก้ม สามารถใช้ฟิลเลอร์เติมความชุ่มชื้นลงในชั้นผิวหนังได้โดยตรง
แก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กในผิวชั้นตื้น เพื่อให้เรียนเนียนไปกับผิวไม่เป็นก้อน ควรเลือกใช้ Restylane Vital (6-8 เดือน)
โดยทั่วไป รายที่มีปัญหาร่องแก้มยังไม่ค่อยลึกมาก อายุ 30-40 ปี ก็จะใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มทั้ง 2 ข้างแค่ประมาณ 1-2 cc ก็สามารถเติมร่องแก้มให้เต็มได้แล้วครับ ในบางรายหากร่องแก้มลึกมาจากหลายสาเหตุรวมกัน อาจจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากขึ้น และหลายชนิด เพื่อแก้ปัญหาให้ครบทุกสาเหตุ ซึ่งอาจต้องใช้ฟิลเลอร์ 2-3 cc ในการรักษาครับ
ซึ่งหมอจะวางแผนการรักษาโดยเริ่มแก้ไขที่สาเหตุหลักก่อนตามงบประมาณและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก โดยที่สามารถค่อยๆ ทยอยทำได้ ไม่จำเป็นต้องแก้ไขทุกสาเหตุในครั้งเดียว เพราะฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัยสามารถเติมเพิ่มได้เรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์หน้าเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด
เจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ โดยก่อนฉีดจะมีการลงยาชาที่ผิวหนัง เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที นอกจากนี้ฟิลเลอร์ที่หมอเลือกใช้ จะมียาชาผสมอยู่ด้วยดังนั้นตอนฉีดฟิลเลอร์จริงคนไข้จะแทบไม่รู้สึกเจ็บใดๆ เลยครับ และหลังจากหมดฤทธิ์ของยาชาแล้ว ก็ไม่เจ็บด้วยครับ
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยครับ ไม่เป็นอันตรายหากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ และตัดสินใจเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในแต่ละเคส เพื่อการแก้ไขร่องแก้มลึกได้ตรงจุด และเทคนิคหลีกเลี่ยงเส้นเลือดบริเวณร่องแก้ม
เพราะถ้าแก้ผิดวิธี อาจจะยิ่งทำให้ร่องแก้มลึกกว่าเดิม เป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติ จนถึงอันตรายได้ และควรเข้ารับบริการในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความสะอาด ปลอดภัยไม่เสี่ยงติดเชื้อครับ
การศัลยกรรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหนังบริเวณใบหน้าที่หย่อนคล้อย โดยแพทย์จะทำการกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ชั้นใต้ผิวหนัง พร้อมทั้งดึงกล้ามเนื้อให้กระชับ
ซึ่งการฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือการแก้ไขปัญหาโดยที่ไม่มีแผลผ่าตัด แต่ผลของ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะคงอยู่ได้ระยะเวลา 1-2 ปี ส่วนการศัลยกรรมดึงหน้าสามารถคงอยู่ได้ถึง 3-5 ปี หลังการผ่าตัดอาจจะมีอาการบวมช้ำเขียว มีแผลจากการผ่าตัดและต้องใส่ผ้ารัดหน้า24 ชั่วโมง แต่หลังการฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม นั้นสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องนอนพักฟื้นให้เสียเวลา
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม หรือ การศัลยกรรมดึงหน้า ก็มีข้อดีข้อเสียในตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเรา หากต้องการได้ผลลัพธ์ที่ไว เห็นผลชัดเจน ไม่เจ็บตัวไม่มีแผลเป็น ก็อาจจะเลือกฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม หรือหากต้องการความคงทน ยาวนาน ไม่รีบร้อนมาก ก็เลือกการศัลยกรรมดึงหน้าได้เช่นกัน
ปัญหาร่องแก้ม เริ่มเกิดขึ้นในวัย 25 ปี เป็นริ้วรอยที่บ่งบอกว่าเราเริ่มที่จะแก่กว่าวัย ร่องแก้มลึกนั้นจัดการได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เป็นการเติมเต็มร่องริ้วรอยที่เห็นผลชัดเจนที่สุด และเห็นผลทันที สามารถทำให้ริ้วรอยนั้นตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย แต่การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะ อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ หากฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว เวลายิ้มจะเห็นเป็นก้อนชัดเจน หรือ ยิ่งเน้นให้ร่องชัดขึ้นแทนที่จะเป็นการเติมเต็ม
เรามักจะมองเห็นปัญหาร่องแก้มได้ง่าย เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตรงบริเวณช่วงกลางใบหน้าและกินพื้นที่ค่อนข้างกว้างจากข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก และการแต่งหน้าก็ไม่ช่วยกลบร่องแก้มให้หายไปด้วยครับ
ร่องแก้มลึก มีหลายสาเหตุ ต้องรักษาให้ถูกจุด จึงจะเห็นผล
ร่องแก้มลึก เป็นจุดที่บ่งบอกถึงอายุผู้หญิงได้อย่างชัดเจน มักจะลึกมากขึ้นเรื่อยๆเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในผู้หญิงถ้ามีร่องแก้มลึกก็จะทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย การแก้ไขที่ตรงจุด สามารถทำได้ง่ายๆด้วยการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มชนิดที่ปลอดภัยและผ่าน อย. คือคอลลาเจนชนิดไฮยาลูรอนิก(Hyaluronic acid) จะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปีและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด สลายหมดไม่มีสารตกค้างถ้าชอบก็สามารถเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มใหม่ได้เรื่อยๆ
ถ้าไม่เติมก็แค่คืนสภาพเดิมแต่ก็ยังดีกว่าก่อนเติมเพราะฟิลเลอร์จะกระตุ้นให้ร่างกายเราสร้างคอลลาเจนที่ร่องแก้มของตัวเองขึ้นมาด้วย ในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ดูเป็นธรรมชาตินั้น หมอที่มีความชำนาญต้องประเมินสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในแต่ละคน เพื่อการแก้ไขร่องแก้มลึกได้ตรงจุด เพราะถ้าแก้ผิดวิธี อาจจะยิ่งทำให้ร่องแก้มลึกกว่าเดิม เป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติ
การรักษาร่องแก้มให้เห็นผล เราต้องเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดร่องแก้มก่อน เพราะร่องแก้มในคนไข้แต่ละรายมีสาเหตุไม่เหมือนกัน ถ้าเข้าใจรายละเอียดตรงนี้ และแก้ปัญหาได้ถูกจุด ก็จะทำให้การรักษาได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจครับ
สาเหตุการเกิดร่องแก้มลึก มี 4 ปัจจัย เรียงตามที่พบบ่อยที่สุดดังนี้
1 เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตาหรือโหนกแก้ม
มักพบในคนที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการยุบตัวของกระดูกทั้งบริเวณใต้ตาหรือโหนกแก้ม ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มดูลึก
การรักษา
แก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาหรือโหนกแก้ม โดยฉีดยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมดขึ้นไปด้านบน เรียกเทคนิคนี้ว่า volume lift หรือ Ogee Lift จะทำให้เนื้อแก้มที่กองเหนือร่องแก้มเป็นก้อนน้อยลง และร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ยังทำให้ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ร่องแก้มน้อยลงด้วยครับ
หากเน้นฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้ร่องแก้มของคนไข้แย่ลงกว่าเดิมได้ เนื้อจะยิ่งกองบริเวณเหนือร่องแก้มเป็นก้อนมากขึ้น หน้าจะดูอูมขึ้น
2 เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง (กระดูกใต้ปีกจมูก)
ลักษณะนี้อาจขึ้นเกิดขึ้นจากโครงหน้าแต่กำเนิด หรือในบางคนอาจเกิดหลังจากการจัดฟัน เพราะการจัดฟันอาจมีส่วนทำให้กระดูกฟันบนยุบเข้าไปได้
การรักษา
แก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียวได้ แต่ต้องฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มลงในชั้นติดกระดูก ใต้กล้ามเนื้อ และต้องฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย เพื่อทำการยกระดับให้แอ่งบริเวณร่องแก้มเต็มขึ้น ก็จะเป็นการรักษาที่ตรงจุดครับ ฟิลเลอร์ที่ยกร่องได้มากที่สุด คือ Restylane Lyft Lidocaine (12 เดือน) เป็น NASHA gel เนื้อสัมผัสเฟิร์ม ยกได้ดีที่สุด
3 เกิดจากการยิ้มบ่อยๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป
คนไข้กลุ่มนี้ จุดสังเกตง่ายๆก็คือ เวลายิ้มจะเห็นร่องแก้มคมชัด เห็นการขยับของกล้ามเนื้อตรงบริเวณร่องแก้มค่อนข้างมาก
การรักษา
แก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation เป็นการใช้ฟิลเลอร์ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ จะสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ไม่แข็งเกินไปทำให้ผลออกมาดูเป็นธรรมชาติ จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากครับ โดยเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูงเพื่อให้ทนต่อการขยับของร่องแก้ม ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดคือ Juvederm Ultra Plus (12 เดือน) และ Juvederm volift (12 เดือน)
4 เกิดจากผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย
ชั้นผิวบางลงจะมีลักษณะเป็นริ้วๆตื้นๆที่ร่องแก้ม สามารถใช้ฟิลเลอร์เติมความชุ่มชื้นลงในชั้นผิวหนังได้โดยตรง
การรักษา
แก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กในผิวชั้นตื้น เพื่อให้เรียนเนียนไปกับผิวไม่เป็นก้อน ควรเลือกใช้ Restylane Vital (6-8 เดือน)
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ต้องใช้กี่ cc
โดยทั่วไป รายที่มีปัญหาร่องแก้มยังไม่ค่อยลึกมาก อายุ 30-40 ปี ก็จะใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มทั้ง 2 ข้างแค่ประมาณ 1-2 cc ก็สามารถเติมร่องแก้มให้เต็มได้แล้วครับ ในบางรายหากร่องแก้มลึกมาจากหลายสาเหตุรวมกัน อาจจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากขึ้น และหลายชนิด เพื่อแก้ปัญหาให้ครบทุกสาเหตุ ซึ่งอาจต้องใช้ฟิลเลอร์ 2-3 cc ในการรักษาครับ
ซึ่งหมอจะวางแผนการรักษาโดยเริ่มแก้ไขที่สาเหตุหลักก่อนตามงบประมาณและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก โดยที่สามารถค่อยๆ ทยอยทำได้ ไม่จำเป็นต้องแก้ไขทุกสาเหตุในครั้งเดียว เพราะฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัยสามารถเติมเพิ่มได้เรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์หน้าเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เจ็บหรือไม่
เจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ โดยก่อนฉีดจะมีการลงยาชาที่ผิวหนัง เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที นอกจากนี้ฟิลเลอร์ที่หมอเลือกใช้ จะมียาชาผสมอยู่ด้วยดังนั้นตอนฉีดฟิลเลอร์จริงคนไข้จะแทบไม่รู้สึกเจ็บใดๆ เลยครับ และหลังจากหมดฤทธิ์ของยาชาแล้ว ก็ไม่เจ็บด้วยครับ
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยครับ ไม่เป็นอันตรายหากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ และตัดสินใจเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในแต่ละเคส เพื่อการแก้ไขร่องแก้มลึกได้ตรงจุด และเทคนิคหลีกเลี่ยงเส้นเลือดบริเวณร่องแก้ม
เพราะถ้าแก้ผิดวิธี อาจจะยิ่งทำให้ร่องแก้มลึกกว่าเดิม เป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติ จนถึงอันตรายได้ และควรเข้ารับบริการในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความสะอาด ปลอดภัยไม่เสี่ยงติดเชื้อครับ
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม VS ศัลยกรรมดึงหน้า
การศัลยกรรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหนังบริเวณใบหน้าที่หย่อนคล้อย โดยแพทย์จะทำการกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ชั้นใต้ผิวหนัง พร้อมทั้งดึงกล้ามเนื้อให้กระชับ
ซึ่งการฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือการแก้ไขปัญหาโดยที่ไม่มีแผลผ่าตัด แต่ผลของ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะคงอยู่ได้ระยะเวลา 1-2 ปี ส่วนการศัลยกรรมดึงหน้าสามารถคงอยู่ได้ถึง 3-5 ปี หลังการผ่าตัดอาจจะมีอาการบวมช้ำเขียว มีแผลจากการผ่าตัดและต้องใส่ผ้ารัดหน้า24 ชั่วโมง แต่หลังการฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม นั้นสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องนอนพักฟื้นให้เสียเวลา
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม หรือ การศัลยกรรมดึงหน้า ก็มีข้อดีข้อเสียในตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเรา หากต้องการได้ผลลัพธ์ที่ไว เห็นผลชัดเจน ไม่เจ็บตัวไม่มีแผลเป็น ก็อาจจะเลือกฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม หรือหากต้องการความคงทน ยาวนาน ไม่รีบร้อนมาก ก็เลือกการศัลยกรรมดึงหน้าได้เช่นกัน
สรุป
ปัญหาร่องแก้ม เริ่มเกิดขึ้นในวัย 25 ปี เป็นริ้วรอยที่บ่งบอกว่าเราเริ่มที่จะแก่กว่าวัย ร่องแก้มลึกนั้นจัดการได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เป็นการเติมเต็มร่องริ้วรอยที่เห็นผลชัดเจนที่สุด และเห็นผลทันที สามารถทำให้ริ้วรอยนั้นตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย แต่การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะ อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ หากฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว เวลายิ้มจะเห็นเป็นก้อนชัดเจน หรือ ยิ่งเน้นให้ร่องชัดขึ้นแทนที่จะเป็นการเติมเต็ม