โบท็อกลดโหนกแก้ม

โหนกแก้ม (Cheekbone) เป็นโครงสร้างสำคัญบนใบหน้า อยู่บริเวณแก้มทั้งสองข้างมีลักษณะเป็นกระดูกนูนขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ใช้สำหรับบ่งบอกเพศหญิง/ชาย โดยเพศชายจะมีโหนกแก้มสูง มองเห็นโหนกแก้มได้ชัดเจน ใบหน้าโดยรวมจึงดูแข็งกร้าว ดุดัน เป็นเหลี่ยมชัดสมกับเป็นเพศชาย ซึ่งสาวๆ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยปลื้มกับการมีใบหน้าที่ดุดัน แข็งกร้าว หรือดูเป็นเหลี่ยมชัดเกินไป จนทำให้เหมือนหน้าบานกว้างออก อีกทั้งยังทำให้ดูอายุมากเกินความเป็นจริงได้อีก

การมีโหนกแก้มสูงเด่นชัดนั้น ถือเป็นลักษณะโครงสร้างใบหน้าพื้นฐานของชาวเอเชีย ชาวยุโรปเองก็มีโหนกแก้มเช่นกันนะครับ แต่ว่าจะมีความแตกต่างกันอยู่ โหนกแก้มของชาวยุโรปจะนูนออกมาทางด้านหน้าของใบหน้า เลยทำให้ใบหน้าโดยรวมดูพุ่งและมีมิติ ส่วนโหนกแก้มของชาวเอเชียจะนูนออกด้านข้างของใบหน้า เป็นเหตุให้ใบหน้าดูบาน แบน และขาดมิตินั่นเองครับ 

ฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม คืออะไร? เห็นผลจริงไหม?

โหนกแก้ม เป็นส่วนประกอบหนึ่งของใบหน้าที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนครับ สำหรับใครที่มีโหนกแก้มใหญ่จะส่งผลให้ใบหน้าไม่สมส่วน ดูดุ ดูแข็ง ยิ้มแล้วไม่ค่อยมั่นใจ ยิ่งแก้มตอบลดลงด้วย ยิ่งทำให้หน้าโทรม การลดโหนกแก้มลงจะช่วยให้ใบหน้าคุณดูมีมิติ หน้าเรียวขึ้น ดูอ่อนกว่าวัยได้ 

การฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม คือการฉีด Botox เข้าไปลดขนาดกล้ามเนื้อ (zygomaticus) ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง โหนกแก้มจึงมีขนาดเล็กลงได้

ก่อนตัดสินใจ ฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม คนไข้ควรปรึกษาหมอที่มีความชำนาญด้านการปรับรูปหน้าประเมินก่อนว่าโหนกแก้มที่ใหญ่นั้นเกิดจากอะไร เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก หรือไขมันครับ เพื่อแนะนำและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ฉีดโบท็อกลดโหนกแก้มกี่วันเห็นผล? อยู่ได้นานแค่ไหน?

เมื่อหมอทำการวิเคราะห์แล้วว่าโหนกแก้มที่ใหญ่เกิดจากกล้ามเนื้อ สามารถแก้ไขได้ด้วยโบท็อก หลังฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม จะเริ่มเห็ผลประมาณ 1-2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อโหนกแก้มจะค่อยๆ นิ่มลง เล็กลง ผลลัพธ์จะอยู่ได้แค่ชั่วคราว และต้องกลับไปฉีดซ้ำทุกๆ 4-6 เดือน

ฉีดโบท็อกลดโหนกแก้มใช้กี่ยูนิต ยี่ห้ออะไรดี?

การฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม ในส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อโดยทั่วไปใช้ 25 U หมอแนะนำโบท็อกเกาหลี ยี่ห้อ Hugel โดยฉีดทุกๆ 6 เดือนครับ


รูปคนไข้ก่อนและหลัง ฉีดโบทอกซ์ลดโหนกแก้ม 25 ยูนิต และเติมฟิลเลอร์คาง 1 ซีซี ทำให้รูปหน้าได้สัดส่วนขึ้น

ลดโหนก 4 วิธีไม่พึ่งศัลยกรรม

หากเป็นในอดีตทางเลือกการแก้ปัญหาคงมีเพียง ‘ทุบโหนกแก้ม’ เท่านั้น แต่ในปัจจุบันเรามีทางเลือกในการ ‘ลดโหนกแก้ม’ หลากหลายมากกว่าทำศัลยกรรมเพียงอย่างเดียวครับ

อีกทั้งวิธีการเหล่านั้น ยังตอบโจทย์ ทั้งเรื่องเวลาที่แทบจะไม่ต้องพักฟื้นเลย หรือแม้แต่เรื่องความเจ็บปวดที่ลดน้อยลงมาก ๆ จนเรียกว่าไม่เจ็บเลยก็ว่าได้ และอีกอย่างคือฝีมือของแพทย์ก็ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามเทคโนโลยี จนสามารถช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ สวย ได้รูป ตอบโจทย์ไม่แพ้การลงมีดผ่าตัด

1.    ฟิลเลอร์ (Filler) ตรงบริเวณจุดใต้ลงมาของโหนกแก้มที่สูงชัดเจน เป็นการเติมเพื่อให้โหนกแก้มดูเล็กลง ลดความแข็งของใบหน้าให้ดูซอฟลง

2.    เมโสแฟต (Meso Fat) เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าใหญ่หน้าบานจากไขมันเป็นที่สุด แต่ต้องเป็นคนที่มีไขมันสะสมอยู่ตำแหน่งนี้

3.    โบท็อกซ์ (Botox) แก้สาเหตุจากปัญหากล้ามเนื้อ แต่วิธีนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์โดยเฉพาะ กล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้มนั้น มีผลมีผลกับการยิ้ม ถ้าฉีดผิดตำแหน่งอาจทำให้ปากเบี้ยวได้

4.    เครื่องยกกระชับ เทอร์มาจ (Thermage) และ อัลเทอร่า (Ulthera)หรือ HIFU เหมาะกับคนที่เห็นกระดูกโหนกแก้มชัด จากผิวบริเวณสองข้างแก้มห้อยย้อย เพราะเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังหย่อนคล้อย