การฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความสนใจโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีต้นแขนใหญ่ ดูคล้ายแขนผู้ชาย บางคนไม่กล้าใส่เสื้อที่โชว์แขนเพราะขาดความมั่นใจ การฉีดโบท็อกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ครับ ใครสงสัยว่าฉีดโบท็อกลดแขนจำเป็นต้องใช้กี่ยูนิตถึงเห็นผล อันตรายไหม สามารถศึกษาข้อมูลได้ในบทความนี้ครับ
โบท็อก หรือ Botulinum toxin มีคุณสมบัติทำให้กล้ามเนื้อ Biceps คลายตัว หลังจากหมอฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณแขนที่ต้องการลด โบท็อกจะทำให้ขนาดกล้ามเนื้อเล็กลงได้ครับ ซึ่งในการลดต้นแขน ต้องดูว่าจุดที่คนไข้ต้องการลดเป็นกล้ามเนื้อหรือไขมัน ถ้าหมอดูแล้วเป็นกล้ามเนื้อ สามารถใช้โบท็อกได้ แต่ถ้าเป็นไขมัน ผิวมีความหย่อนคล้อย อาจจะแนะนำทำหัตถการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ฉีดเมโสแฟต Hifu หรือ CoolSculpting ตามความเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
การฉีดโบท็อกต้นแขนจะใช้ 200 ยู ครับ 1 ครั้ง ลดลงได้ 10-20% เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 2-3 เดือน คนไข้สามารถฉีดเพิ่มได้เพื่อให้กล้ามเนื้อยุบลงมากขึ้น แต่ก็เป็นวิธีที่ไม่ถาวรนะครับ อยู่ได้ประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้ หากมีการใช้กล้ามเนื้อแขนมากๆ ก็จะกลับมาแขนใหญ่ได้อีก
นอกเหนือจากการฉีดโบท็อกลดแขนแล้ว ปัจจุบันยังมีอีกหลายวิธีที่ช่วยลดแขนให้เรียวสวยได้ ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ โดยแพทย์จะตรวจประเมินและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละบุคคลครับ
1. โบท็อก ลดต้นแขน : ในกรณีที่มีการใช้กล้ามเนื้อบริเวณแขนบ่อยๆจะทำให้ชั้นกล้ามเนื้อบริเวณแขนหนาขึ้นเรื่อยๆ สามารถแก้ไขให้เรียวขึ้นด้วยการฉีดโบท็อกลดกล้ามแขนเหมาะกับคนไข้ที่มีกล้ามแขนขนาดใหญ่ครับ
2. HIFU ลดต้นแขน : Hifu Macrofocus มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่พัฒนามาจากการอัลตร้าซาวด์ดูครรภ์ทางการแพทย์ ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้นเพื่อทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัว Hifu ถือเป็นตัวเลือกที่ง่ายในการยกกระชับผิว ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง คอ แม้แต่ต้นแขน และต้นขา เห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรก ประมาณ 20% โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือน เหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็ม แขนใหญ่ไม่มาก
3. CoolSculpting ลดต้นแขน : coolsculpting เป็นเครื่องกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยความเย็นอุณหภูมิติดลบ (-11°C) ส่งคลื่นพลังความเย็นเข้าสู่ชั้นไขมัน สามารถจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้ลงได้ โดยสามารถลดลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง สามารถทำได้หลายส่วนของร่างกาย เช่น เอว หน้าท้อง รวมถึงต้นแขน จึงช่วยให้แขนเล็กและเรียวได้ ซึ่งหมอต้องตรวจประเมินแล้วว่าต้นเหตุของแขนใหญ่ หนา มาจากไขมันที่สะสมอยู่ครับ CoolSculptingถึงช่วยได้ โดยใช้เวลาในการทำประมาณ 35 นาที ผลการรักษาในช่วง 3-4 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลง เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน
การฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความสนใจโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีต้นแขนใหญ่ ดูคล้ายแขนผู้ชาย บางคนไม่กล้าใส่เสื้อที่โชว์แขนเพราะขาดความมั่นใจ การฉีดโบท็อกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ครับ ใครสงสัยว่าฉีดโบท็อกลดแขนจำเป็นต้องใช้กี่ยูนิตถึงเห็นผล อันตรายไหม สามารถศึกษาข้อมูลได้ในบทความนี้ครับ
ฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน มีการทำงานอย่างไร?
โบท็อก หรือ Botulinum toxin มีคุณสมบัติทำให้กล้ามเนื้อ Biceps คลายตัว หลังจากหมอฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณแขนที่ต้องการลด โบท็อกจะทำให้ขนาดกล้ามเนื้อเล็กลงได้ครับ ซึ่งในการลดต้นแขน ต้องดูว่าจุดที่คนไข้ต้องการลดเป็นกล้ามเนื้อหรือไขมัน ถ้าหมอดูแล้วเป็นกล้ามเนื้อ สามารถใช้โบท็อกได้ แต่ถ้าเป็นไขมัน ผิวมีความหย่อนคล้อย อาจจะแนะนำทำหัตถการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ฉีดเมโสแฟต Hifu หรือ CoolSculpting ตามความเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
ฉีดโบท็อกลดแขนต้องใช้กี่ยูนิต? กี่วันเห็นผล?
การฉีดโบท็อกต้นแขนจะใช้ 200 ยู ครับ 1 ครั้ง ลดลงได้ 10-20% เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 2-3 เดือน คนไข้สามารถฉีดเพิ่มได้เพื่อให้กล้ามเนื้อยุบลงมากขึ้น แต่ก็เป็นวิธีที่ไม่ถาวรนะครับ อยู่ได้ประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้ หากมีการใช้กล้ามเนื้อแขนมากๆ ก็จะกลับมาแขนใหญ่ได้อีก
โบท็อกลดกล้ามแขน VS Hifu VS CoolSculpting
นอกเหนือจากการฉีดโบท็อกลดแขนแล้ว ปัจจุบันยังมีอีกหลายวิธีที่ช่วยลดแขนให้เรียวสวยได้ ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ โดยแพทย์จะตรวจประเมินและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละบุคคลครับ
1. โบท็อก ลดต้นแขน : ในกรณีที่มีการใช้กล้ามเนื้อบริเวณแขนบ่อยๆจะทำให้ชั้นกล้ามเนื้อบริเวณแขนหนาขึ้นเรื่อยๆ สามารถแก้ไขให้เรียวขึ้นด้วยการฉีดโบท็อกลดกล้ามแขนเหมาะกับคนไข้ที่มีกล้ามแขนขนาดใหญ่ครับ
2. HIFU ลดต้นแขน : Hifu Macrofocus มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่พัฒนามาจากการอัลตร้าซาวด์ดูครรภ์ทางการแพทย์ ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้นเพื่อทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัว Hifu ถือเป็นตัวเลือกที่ง่ายในการยกกระชับผิว ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง คอ แม้แต่ต้นแขน และต้นขา เห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรก ประมาณ 20% โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือน เหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็ม แขนใหญ่ไม่มาก
3. CoolSculpting ลดต้นแขน : coolsculpting เป็นเครื่องกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยความเย็นอุณหภูมิติดลบ (-11°C) ส่งคลื่นพลังความเย็นเข้าสู่ชั้นไขมัน สามารถจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้ลงได้ โดยสามารถลดลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง สามารถทำได้หลายส่วนของร่างกาย เช่น เอว หน้าท้อง รวมถึงต้นแขน จึงช่วยให้แขนเล็กและเรียวได้ ซึ่งหมอต้องตรวจประเมินแล้วว่าต้นเหตุของแขนใหญ่ หนา มาจากไขมันที่สะสมอยู่ครับ CoolSculptingถึงช่วยได้ โดยใช้เวลาในการทำประมาณ 35 นาที ผลการรักษาในช่วง 3-4 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลง เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน