ฟิลเลอร์ใต้ตา

ใครๆก็บอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แต่บอกเลยว่าบริเวณรอบดวงตาก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย ปัญหาริ้วรอยใต้ตาตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ ถุงใต้ตา เป็นจุดที่สังเกตได้ง่ายมากบนใบหน้า ทำให้หน้าดูมีอายุ โทรมและไม่สดใส ดูเหมือนคนเหนื่อยล้าตลอดเวลา หมอแนะนำการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตา ครับ

สำหรับใครที่ไม่เคย ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มาก่อน ห้ามพลาดบทความนี้ครับ

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การเติมสารเติมเต็มกลุ่ม “ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)” เข้าบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาริ้วรอยหมองคล้ำ หรือ ใต้ตาที่กระดูกใต้ตายุบตัวลง ทำให้หน้าดูโทรม อ่อนล้าและดูมีอายุ ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยการฉีดสารเติมเต็ม เพื่อให้ใต้ตานั้นดูตื้นขึ้น และรอยคล้ำก็ดูจางลงด้วย ทำให้ใบหน้ากลับมาสดใส อ่อนเยาว์ ดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เป็นตำแหน่งแรกที่เติมแล้วเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะว่าใต้ตาจะเป็นจุดที่ยุบลงตำแหน่งแรกและเป็นจุดที่ควรจะเติมเป็นตำแหน่งแรกครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ใต้ตาทุกคนจะเริ่มยุบลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใต้ตาจึงเป็นจุดแรกที่หมอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ (filler) เติมเต็ม ในผู้ชายส่วนมากการที่กระดูกใต้ตายุบตัวลงจะทำให้ดูเหมือนผอมลง ดูโทรม ส่วนในผู้หญิง จะทำให้หน้าโทรม ดูมีอายุขึ้น ปัญหาใต้ตาที่สามารถแก้ด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่

•    ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เป็นวงคล้ำรอบดวงตาและจะเห็นชัดบริเวณใต้ตา ทำให้หน้าดูอ่อนล้า
•    เบ้าตาลึก ตาโหล เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา และการสลายตัวของเนื้อเยื่อ หรือกรรมพันธุ์
•    ริ้วรอยใต้ตา มีลักษณะเป็นรอยเหี่ยวย่นใต้ตา และรอบๆ ดวงตา ทำให้หน้าดูมีอายุ
•    ถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย การมีถุงใต้ตาจะทำให้ปัญหาริ้วรอยและร่องใต้ตาเห็นชัดขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม?

การฉีด filler ใต้ตาจริงๆค่อนข้างปลอดภัยครับ เป็นตำแหน่งที่เหมาะกับการใช้เข็มทู่ หากแพทย์มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ก็มีความปลอดภัยแน่นอนครับ และที่สำคัญคือต้องใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น สามารถสลายได้หมด ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตรายครับ


รูปขวามือแสดง เข็มทู่ (Cannula) ซึ่งปลอดภัยสำหรับการฉีดใต้ตาโดยเฉพาะครับ

ฟิลเลอร์แท้จะละลายออก 100% และจะเหลือเป็นคอลลาเจนอีลาสตินที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาซึ่งจะดีกว่าตอนก่อนฉีดครับ คือฟิลเลอร์ที่เราฉีดเข้าไปจะทำให้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณผิวที่เราฉีด เหมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยงและจะดูดน้ำจากผิวบริเวณรอบๆ มาอุ้มไว้แล้วก็คอยเลี้ยงผิวบริเวณนั้น ต่อให้ฟิลเลอร์สลายหมดไป คอลลาเจนของร่างกายเราก็ยังเหลืออยู่ ซึ่งดีกว่าตอนที่ยังไม่ได้ทำอะไร เหมือนกับช่วยชะลอผิวเราไว้ด้วยครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ CC. เลือกรุ่นไหนดี?

ส่วนใหญ่จะใช้ 1-2 CC ในการรักษาก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนแล้วครับ  แน่นอนว่าในการฉีดแต่ละครั้งควรใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่พอดี เพราะการฉีดเยอะเกินจะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังยืดออกมากเกินไป ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นบริเวณที่ต้องพิถีพิถันในการฉีด ผิวหนังใต้ตาค่อนข้างบางจึงควรเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ไม่ทำให้ผิวฟูมากจนเกินไปเพราะฉีดแล้วทำให้ตาดูบวม ไม่เป็นธรรมชาติครับ แบรนด์ฟิลเลอร์ที่แนะนำสำหรับฉีดใต้ตา คือ Restylane และ Juvederm ฉีดแล้วคงรูปไม่ฟูเยอะ 

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอแนะนำยี่ห้อและรุ่น ตามนี้ครับ

•    Restylane Vital Light เนื้อละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเเก็บรายละเอียด
•    Restylane Perlane Lyft มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด
•    Juvederm Volite เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป

ซึ่งหมอจะเป็นคนแนะนำยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนครับ

การฉีดฟิลเลอร์ ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

การฉีดฟิลเลอร์เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยสามารถเห็นผลทันทีหลังทำ และสามารถอยู่ได้ 1-2 ปี ก่อนจะสลายไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้ระยะเวลาการคงอยู่ในร่างกายของแต่ละคนอาจแตกต่างกันบ้าง ตามสภาพร่างกาย การดูแลตัวเอง รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน

(วีดีโอ น้องคิตตี้ เทียบ 2 ข้างบนเตียง)

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน

อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติครับ สาเหตุจากการที่เข็มเข้าไปในผิว ไม่ใช่อักเสบบวมแดงเพราะตัวยา ประมาณ 2-3 วัน จะค่อยๆ ดีขึ้น 

ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? 

ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แล้วเป็นก้อนบวม เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

•    เลือกฟิลเลอร์ไม่ถูกรุ่นไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด
•    ใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง
•    ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
•    หมอที่ฉีดให้ไม่มีความชำนาญทางด้านการฉีดฟิลเลอร์

แต่ไม่ต้องกังวลครับ เพราะหากฉีดฟิลเลอร์แท้ เราสามารถ “ฉีดสลายฟิลเลอร์” ได้ในกรณีที่ไม่พึงพอใจหรือเกิดปัญหาหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ โดยการฉีดสารเอ็นไซม์ไฮยาลูโรนิเดส ( Hyarulonidase :HYAL) ซึ่งเอ็นไซม์นี้จะช่วยย่อยสลายฟิลเลอร์กลุ่ม ไฮยารูลอนิกแอซิด Hyaluronic Acid: HA จะไม่เห็นผลในฟิลเลอร์ปลอมทุกชนิด หากฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นฟิลเลอร์ปลอม กลุ่มซิลิโคน หรือ พาราฟิน ต้องทำการผ่าตัดเพื่อขูดฟิลเลอร์ปลอมนั้นออกเท่านั้น

การปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

1. ควรงดวิตามิน อาหารเสริม กลุ่มที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น Vitamin E , น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย งดยา แอสไพริน, NSAIDs  ก่อนทำ 2 สัปดาห์
2. งดการดื่มแอลกฮอล์ และ กิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น เข้าอบซาวน่า ออกกำลังกาย cardio เป็นเวลา 24 ชม.ก่อนทำการรักษา

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

1. ประเมินใบหน้าและวางแผน สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หมอจะทำการประเมินดูลักษณะของใบหน้าและปัญหาผิว รวมถึงตรวจดูบริเวณที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อแก้ไขปัญหาบนใบหน้า จะมีการทำเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุดบนใบหน้า รวมถึงมีการถ่ายภาพใบหน้า บริเวณที่จะทำการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงภายหลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์

2. แปะยาชา
3. หมอทำการฉีดฟิลเลอร์
4. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ในท่านั่งหรือนอนเอียง เพื่อประเมินผลลัพธ์ขณะทำไปด้วย

(วีดีโอ น้องพีนัท)

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

1.    ห้ามออกกำลังกายภายใน 48 ชั่วโมงแรก หรือสัมผัสความร้อนด้วยวิธีต่างๆ รวมทั้งห้ามกดนวด หรือถูหน้าแรงๆ ด้วยเช่นกัน
2.    ควรดื่มน้ำปริมาณมาก ประมาณวันละ 2-3 ลิตร เพื่อความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น ตามคุณสมบัติของฟิลเลอร์
3.    การประคบร้อนหรือเย็นไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้ง ควรประคบตามคำแนะนำของแพทย์ในบางกรณีเท่านั้น
4.    ให้งดเลเซอร์ หรือการทำทรีทเม้นท์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด หลังฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์

โหงวเฮ้งดวงตา ร่องใต้ตา (หน่ำหนึงเก็ง) 

นอกจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อความสวยงามแล้ว เรื่องโหงวเฮ้งตา ก็เป็นอีกปัจจัยที่หลายคนสนใจครับ โดยตามตำรา โหงวเฮ้งตา คือตำแหน่งอยู่ที่ใต้กระบอกตาซ้ายและขวา หมายถึง โชคลาภ ความสบาย

ลักษณะเด่น 

โหงวเฮ้งดวงตาที่ดี คือเต็มอิ่ม สีสดใส ไม่ดำคล้ำ เรียบ เปล่งปลั่ง ไม่ว่าชายหรือหญิงจะมียศศักดิ์ และร่ำรวยศรีสุขไปตลอดชีวิต ลูกหลานเจริญรุ่งเรือง

ลักษณะด้อย 

ตาที่มีลักษณะเป็นแอ่งโบ๋ ร่องลึก มีถุงใต้ตาเยอะเกินไป ไม่ว่าชายหรือหญิง ก็จะอาภัพโชค หาคู่ครองยาก หรือลูกหลานดื้อ เลี้ยงยาก หากใต้ตาสีดำคล้ำ ก็จะพบปัญหาคู่ครองและบุตร อาภัพลูก

ดอลลี่อาย กับ ถุงใต้ตาต่างกันอย่างไร?

ถุงใต้ตา คือ ถุงไขมันบริเวณใต้ตาล่างมีขนาดใหญ่ มักจะมีอยู่ตลอดเวลา เป็นสาเหตุหลักของปัญหาใต้ตาคล้ำ เเต่ดอลลี่อาย คือ มัดกล้ามเนื้อเส้นเล็กๆบริเวณตาล่าง สามารถเห็นได้ชัด ในเวลายิ้ม การทำดอลลี่อาย จึงเป็นการทำในส่วนของ”ขอบตาล่าง” ให้ดูหนาขึ้น ทำให้ดวงตาดูกลมโต สดใส และดูโดดเด่น

การทำดอลลี่อาย เหมาะกับ คนที่อยากปรับดวงตาให้ดูน่ารักสไตล์เกาหลี ทำให้ดวงตาดูกลมโต สดใส และดูโดดเด่น หลังจากทำแล้วใบหน้าโดยรวมจะดูหวานขึ้น และดูหน้าเด็กลง